แม็ค อัลลิสเตอร์ มาแล้ว, หงส์หัวใจสิงห์!เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล พลิกชนะ ฟูแล่ม

thumbnail

ลิเวอร์พูล แสดงให้โลกได้เห็นถึงการเล่นที่ไม่เคยยอมแพ้แม้จะโดนยิงนำช่วง 10 นาทีสุดท้ายแต่ก็ยังสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาชนะ ฟูแล่ม 4-3 ที่สนามแอนฟิลด์ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา

 

แมตช์นี้ “หงส์แดง” ได้ประตูนำสองครั้งแต่ก็โดน “เจ้าสัวน้อย” ตามตีเสมอได้หมดในช่วงครึ่งแรก ขณะที่ครึ่งหลังเจ้าบ้านก็ครองเกมได้ตลอดแต่กลายเป็นว่าทีมเยือนมาได้ประตูขึ้นนำ 3-2 ในนาทีที่ 80 

 

วาตารุ เอ็นโด ตัวสำรองลงมาสร้างมิติในเกมรุกให้กับทีม และยิงประตูที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทีม ก่อนที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะสวมบทฮีโร่โค่นคู่แข่งซัดประตูชัย ได้อย่างสุดยอด

 

ขณะที่ ฟูแล่ม ต้องบอกว่าสู้ได้ดีมากๆ พวกเขาสร้างปัญหาให้กับ ลิเวอร์พูล ได้ตลอดโดยเฉพาะจังหวะการเล่นสวนกลับ แต่น่าเสียดายที่ทีมไม่สามารถต้านทานพลังเกมรุกยิ่งกว่าพายุของ “เดอะ เร้ดส์” สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างเจ็บปวด

 

  1. เลขเด็ด 200 ของ “บังโม” ต้องรอไปก่อน

 

หนึ่งในไฮไลท์ก่อนแมตช์นี้ก็คือสถิติของ โมฮาเหม็ด 

ซาลาห์ ที่ขาดเพียงแค่ 1 ประตูก็จะทำสถิติตะบันให้กับ ลิเวอร์พูล ครบ 200 ลูก ซึ่งแน่นอนว่านี่คือหนึ่งในสิ่งที่ทำให้นักเตะมุ่งมั่นกับการเล่นเกมนี้อย่างมาก

 

อย่างไรก็ตามดูเหมือนหลายสิ่งหลายอย่างไม่ค่อยเป็นใจให้กับ “บังโม” มากนัก เพราะมีหลายครั้งที่เขาสร้างโอกาสขึ้นมาแต่ไม่สามารถจบสกอร์ได้ ที่ใกล้เคียงสุดก็คือจังหวะซ้ำบริเวณฝั่งซ้ายหน้าปากประตู แต่ดันซัดข้ามคานแบบไม่มีลุ้น

 

ถึงแม้เกมนี้จะไม่มีชื่อในฐานะคนทำประตูที่การมีส่วนร่วมกับเกมยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม โดย ซาลาห์ สามารถปั่นป่วนเกมรับของ ฟูแล่ม ได้ทุกครั้งที่มีบอลอยู่กับเท้า และประตูตีเสมอ 3-3 เขาเป็นคนแอสซิสต์ให้ วาตารุ 

เอ็นโด ตะบันอย่างงดงามเข้าประตู

 

ตอนนี้เรื่องการทำสถิติ 200 ประตูคงต่อรอลุ้นในแมตช์พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่ถ้า ซาลาห์ ทำสำเร็จเขาจะกลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ของทีมต่อจาก เอียน รัช, โรเจอร์ ฮันท์, 

กอร์ดอน ฮ็อดจ์สัน และ บิลลี่ ลิดเดิลล์ 

 

  1. ปลดล็อค แม็ค อัลลิสเตอร์

 

นับตั้งแต่ย้ายจาก ไบรท์ตัน มาเล่นกับ ลิเวอร์พูล ผลงานของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ยังไม่ค่อยโดดเด่นเหมือนตอนที่เล่นให้ทัพ “นกนางนวล” และทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

จริงๆ แล้วฟอร์มของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอย่างที่แฟนบอล “หงส์แดง” คาดหวังเอาไว้ โดยเฉพาะเรื่องการยิงประตู เพราะนักเตะยังไม่สามารถตะบันตาข่ายคู่แข่งในฐานะแข้งลิเวอร์พูลได้เลยในฤดูกาลนี้

แม็ค อัลลิสเตอร์ สามารถเพิ่มสถิติของเขากับ “เดอะ เร้ดส์” ได้ซะทีหลังจากทำไปแล้ว 1 แอสซิสต์ในลีก ตอนนี้เขามีชื่อในฐานะคนทำประตูได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการปลดล็อกสิ่งที่ทุกๆ คนในสโมสรรอคอย ที่สำคัญประตูดังกล่าวเป็นการยิงที่ทรงพลังและเฉียบคมอย่างมาก

 

เชื่อว่าประตูที่ทำได้คงจะเป็นการสร้างกำลังใจให้กับ 

สตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ มากยิ่งขึ้น แม้ว่าเขาจะลงเล่นในตำแหน่งโฮลดิ้งมิดฟิลด์ซึ่งอาจไม่ใช้บทบาทที่ได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ แต่หลังจากนั้นสาวก “เดอะ ค็อป” คงจะได้เห็นทีเด็ดของเขามากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน 

 

  1. เอ็นโด, กัคโป ลงมาเปลี่ยนเกม

 

คล็อปป์ จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแท็คติกในแนวรุกเพื่อหวังจะทำประตูเพิ่มด้วยการส่ง โคดี้ กัคโป ลงสนาม โดยนักเตะช่วยทำให้ทีมมีมิติในเกมรุกมากยิ่งขึ้น และมีความหวือหวาจนสร้างโอกาสหวาดเสียวได้อย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อสถานการณ์พลิกผันโดนทีมเยือนซัดประตูนำ 3-2 ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง วาตารุ เอ็นโด ลงสนาม และดาวเตะชาวแดนซามูไร สร้างอิทธิพลในเกมให้กับทีมอย่างแท้จริง โดยช่วยให้แดนกลางเล่นเหนียวแน่นยิ่งขึ้น และทำให้ทีมมีเกมรุกที่ดุดัน

 

การประสานงานระหว่าง กัคโป และ เอ็นโด ถือว่ามีส่วนสำคัญต่อชัยชนะของทีม โดยในรายของ สตาร์ทีมชาติญี่ปุ่น จัดการซัดประตูสุดงามตีเสมอ 3-3 ขณะที่ ดาวเตะชาวดัตช์ มีส่วนกับประตูชัย 4-3

 

ต้องยอมรับว่า นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียอย่างมาก และการส่งทั้งสองคนลงสนามถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะนั่นหมายถึงการได้สามคะแนนสำคัญ

 

  1. ฟูแล่มทำได้ดีแต่ยังไม่สุด

 

ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล เหนื่อยรากเลือดกว่าจะเอาชนะ ฟูแล่ม ได้ เพราะทีมเยือนวางแท็คติกมาสู่กับเจ้าบ้านได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญพวกเขาสวมหัวใจนักสู้วิ่งสู้ฟัดทำเอา “หงส์แดง” ไม่มีเวลาได้ครองเกมมากนัก

 

จุดเด่นที่เห็นได้ชัดของทัพ “เจ้าสัวน้อย” ก็คือการไม่ยอมแพ้ พวกเขาสามารถไล่ตีเสมอได้สองครั้งสองครา สิ่งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า ฟูแล่ม ไม่ใช่ทีมที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นรองเรื่องชื่อชั้น และตัวผู้เล่น แต่หัวใจนักสู้ไม่เป็นสองรองใคร 

 

จังหวะที่ ฟูแล่ม ได้ประตูขึ้นนำ 3-2 ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ต้องบอกว่าพวกเขาใกล้เคียงกับการคว้า 3 คะแนนอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ “เจ้าสัวน้อย” ไม่สามารถต้านทานเกมบุกที่ดุดันของเจ้าบ้านได้ และสุดท้ายก็ต้องกลับบ้านมือเปล่า !!

 

  1. หงส์หัวใจสิงห์

 

สิ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ในยุค คล็อปป์ เป็นทีมที่มีความพิเศษมากกว่าทีมอื่นๆ นั่นก็คือการเล่นแบบกล้าได้กล้าเสีย และไม่เคยยอมแพ้จนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีดสุดท้ายของกรรมการ 

 

แมตช์นี้เกมรุกของ “หงส์แดง” มีความโดดเด่นมากๆ แต่เกมรับค่อนข้างหละหลวมพอสมควร เพราะการได้เล่นในแอนฟิลด์และเสียถึงสามประตูถือเป็นสิ่งที่ คล็อปป์ ยอมรับไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังมีเรื่องให้ยิ้มได้บ้างก็คือการเห็นลูกทีมไม่ถอดใจในช่วงท้ายเกม

 

การที่โดนยิงประตูนำในช่วง 10 นาทีสุดท้าย หลายทีมอาจหมดกำลังใจ หรือพยายามเปิดเกมรุกจนเล่นผิดพลาด แต่สำหรับ ลิเวอร์พูลชุดนี้ ที่โหมเล่นเกมรุกยิ่งกว่าพายุทอร์นาโด แต่ก็ไม่โฉ่งฉ่างจนเสียบอลง่ายๆสองประตูในเวลาเพียงไม่ถึงสองนาที เป็นการแสดงให้เห็นว่า “เดอะ เร้ดส์” มีหัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้ และพร้อมที่จะเดินเครื่องเต็มสูบเพื่อเป้าหมายที่ต้องการ ฉะนั้นคู่แข่งของพวกเขาพึงระลึกเอาไว้ในใจว่าถ้าคิดจะเอาชนะลิเวอร์พูล ต้องฆ่าให้ตายไม่อย่างนั้นก็จะน้ำตาตกแบบนี้ !!