ศึกลูกหนัง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ประจำฤดูกาล 2023-24 ผ่านพ้นรอบแบ่งกลุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากที่ทั้ง 32 ทีมลงเตะนัดสุดท้าย เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งนั่นหมายความว่า ตอนนี้เราได้ 16 ทีมผ่านเข้ารอบเรียบร้อย โดยแบ่งเป็น 8 ทีมแชมป์กลุ่ม ที่คว้าที่นั่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบอัตโนมัติ ส่วนอีก 8 ทีมที่เป็นรองแชมป์กลุ่ม จะต้องไปเตะเพลย์ออฟกับทีมที่ร่วงมาจากถ้วยใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และนี่คือบทสรุป 16 ทีมที่ได้ไปต่อในถ้วย ยูโรปา ลีก ซึ่งนำก๊วนโดย ลิเวอร์พูล และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
กลุ่ม เอ
1.เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (อังกฤษ) : 15 แต้ม
2.ไฟร์บวร์ก (เยอรมนี) : 12 แต้ม
- โอลิมเปียกอส (กรีซ) : 7 แต้ม
- ทีเอสซี (เซอร์เบีย) : 1 แต้ม
เกมสุดท้าย “ขุนค้อน” เปิดบ้านอัด ไฟร์บวร์ก 2-0 ซิวแชมป์กลุ่ม ทำให้พวกเขาเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยที่ไม่ต้องไปเตะเพลย์ออฟ
กลุ่ม บี
1.ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (อังกฤษ) : 13 แต้ม
2.โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) : 11 แต้ม
- อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) : 5 แต้ม
- เออีเค เอเธนส์ (กรีซ) : 4 แต้ม
ไบรท์ตัน ขึ้นเป็นแชมป์กลุ่มในนัดสุดท้าย หลังเปิดบ้านเชือด มาร์กเซย 1-0 ทำให้ยักษ์ใหญ่จากเมืองน้ำหอม ต้องลุ้นคว้าตั๋วลุยรอบ 16 ทืมสุดท้าย ผ่านการเตะเพลย์ออฟแทน ขณะที่ อาแจ็กซ์ แซง เออีเค เอเธนส์ จบที่อันดับสาม ในนัดสุดท้ายเช่นกัน
กลุ่ม ซี
- เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์) : 11 แต้ม
2.สปาร์ต้า ปราก (สาธารณรัฐเช็ก) : 10 แต้ม
- เรอัล เบติส (สเปน) : 9 แต้ม
- อาริส ลิมาสซอล (ไซปรัส) : 4 แต้ม
เรอัล เบติส อย่างช็อก!!! นำเป็นจ่าฝูงอยู่ดีๆ กลายเป็นตกรอบเฉย เพราะนัดสุดท้ายดันพ่าย เรนเจอร์ส คาบ้าน 2-3 ขณะที่ สปาร์ต้า ปราก บุกอัด อาริส ลิมาสซอล 3-1 ขึ้นที่สอง เข้ารอบตาม เรนเจอร์ส
กลุ่ม ดี
1.อตาลันต้า (อิตาลี) : 14 แต้ม
2.สปอร์ติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส) : 11 แต้ม
- สตวร์ม กราซ (ออสเตรีย) : 4 แต้ม
- ราคอฟ เชสโตโคว่า (โปแลนด์) : 4 แต้ม
กลุ่มนี้ได้บทสรุปตั้งแต่แมตช์ที่ห้า โดย อตาลันต้า เข้าป้ายเป็นแชมป์กลุ่มตามคาด ขณะที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ซิวอันดับสอง ซึ่งทั้งสองทีมต่างปิดฉากรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยชัยชนะสุดหรูเหมือนกัน โดย อตาลันต้า บุกขยี้ ราคอฟ เชสโตโคว่า 4-0 ส่วน สปอร์ติ้ง เปิดบ้านถล่ม สตวร์ม กราซ 3-0
กลุ่ม อี
1.ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) : 12 แต้ม
2.ตูลูส (ฝรังเศส) : 11 แต้ม
- อูนิยง แซงต์-ชิลลวส (เบลเยียม) : 8 แต้ม
- ลาสค์ (ออสเตรีย) : 3 แต้ม
ถึงแม้ “หงส์แดง” ออกไปแพ้ อูนิยง แซงต์-ชิลลวส 1-2 ในเกมสุดท้าย แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะพวกเขาการันตีตำแหน่งแชมป์กลุ่มตั้งแต่จบแมตช์ห้า เข้ารอบพร้อม ตูลูส ที่จบอันดับสอง
กลุ่ม เอฟ
1.บียาร์เรอัล (สเปน) : 13 แต้ม
2.แรนส์ (ฝรั่งเศส) : 12 แต้ม
- มัคคาบี้ ไฮฟา (อิสราเอล) : 5 แต้ม
- พานาธิไนกอส (กรีซ) : 4 แต้ม
เป็นอีกกลุ่มที่ตัดสินแชมป์ในนัดสุดท้าย และก็เป็น “เรือดำน้ำสีเหลือง” ที่แซงเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ด้วยการบุกไปเชือด แรนส์ ถึงบ้าน 3-2
กลุ่ม จี
1.สลาเวีย ปราก (สาธารณรัฐเช็ก) : 15 แต้ม
2.อาแอส โรม่า (อิตาลี) : 13 แต้ม
- เซอร์เว็ตต์ (สวิตเซอร์แลนด์) : 5 แต้ม
- เชอริฟฟ์ (มอลโดวา) : 1 แต้ม
ทีม “หมาป่าเหลือง-แดง” ภายใต้การนำทัพของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ผ่านเข้ารอบก็จริง แต่ก็แค่ในฐานะรองแชมป์กลุ่มเท่านั้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า สลาเวีย ปราก มาดีเหลือเกิน
กลุ่ม เอช
1.ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมนี) : 18 แต้ม
2.คาราบัค (อาเซอร์ไบจาน) : 10 แต้ม
- โมลด์ (นอร์เวย์) : 7 แต้ม
- ฮัคเค่น (สวีเดน) : 0 แต้ม
ทีมจ่าฝูง บุนเดสลีกา ของกุนซือ ชาบี อลอนโซ่ ซิวแชมป์กลุ่มแบบสุดเหนือชั้น ด้วยสถิติชนะ 100% จากการลงแข่ง 6 นัด พร้อมกับกระทุ้งไปถึง 19 ประตู ซึ่งมากสุดเหนือทุกทีมในรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก แถมเสียน้อยสุดด้วย (3 ประตู) ส่วน ฮัคเค่น เป็นเพียงทีมเดียวที่ไร้แต้ม
8 ทีมที่เป็นแชมป์กลุ่ม ซึ่งประกอบไปด้วย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน, เรนเจอร์ส, อตาลันต้า, ลิเวอร์พูล, บียาร์เรอัล, สลาเวีย ปราก และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ได้สิทธิ์ไปยืนรอในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฐานะทีมวาง ซึ่งจะมีการจับสลากประกบคู่รอบดังกล่าวในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567
ส่วนอีก 8 ทีมที่เป็นรองแชมป์กลุ่มอย่าง ไฟร์บวร์ก, โอลิมปิก มาร์กเซย, สปาร์ต้า ปราก, สปอร์ติ้ง ลิสบอน,
ตูลูส, แรนส์, อาแอส โรม่า และ คาราบัค ต้องไปเตะเพลย์ออฟกับทีมที่หล่นมาจากศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะทีมอันดับสาม รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งได้แก่ :
– กาลาตาซาราย (ตุรกี)
– ล็องส์ (ฝรั่งเศส)
– บราก้า (โปรตุเกส)
– เบนฟิก้า (โปรตุเกส)
– เฟเยนูร์ด (เนเธอร์แลนด์)
– เอซี มิลาน (อิตาลี)
– ยัง บอยส์ (สวิตเซอร์แลนด์)
– ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค (ยูเครน)
โดยการจับสลากประกบคู่เตะเพลย์ออฟ จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะประกบคู่ต่อจากการจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สำนักงานใหญ่ของ ยูฟ่า เมืองนียง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เวลา 19.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
นอกจากนี้ 8 ทีมที่จบอันดับสาม รอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก ซึ่งประกอบไปด้วย โอลิมเปียกอส, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, เรอัล เบติส, สตวร์ม กราซ, อูนิยง แซงต์-ชิลลวส, มัคคาบี้ ไฮฟา, เซอร์เว็ตต์ และ โมลด์ ถึงแม้ไม่ได้เข้ารอบ แต่ก็ยังได้สิทธิ์โลดแล่นบนเวทียุโรปต่อ โดยจะลงไปลุยถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก รอบเพลย์ออฟ ที่จะต้องดวลกับทีมรองแชมป์กลุ่ม ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ซึ่งประกอบไปด้วย สโลวาน บราติสลาว่า, เกนท์, ดินาโม ซาเกร็บ, โบโด/กริมต์, ลีเกย วอร์ซอว์, เฟเรนซ์วารอส, ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต และ ลูโดโกเร็ตส์ ราซกราด เพื่อหาโควตาอีก 8 ทีม เข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ต่อไป
ทั้งนี้ การจับสลากประกบคู่เตะเพลย์ออฟ รวมถึงการจับสลากประกบคู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก จะมีขึ้นในวันเดียวกับถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ที่ระบุไว้ข้างบน