บิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังซัดกันสนั่น 8 เม็ด เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่แม้เกมนี้เหมาคนเดียว 2 ตุงแต่ยังไม่ดีพอพา “เรือใบสีฟ้า” คว้าชัยมาพลาดเสีย จุดโทษ ช่วงทดเจ็บให้ โคล พาลเมอร์ จบเกม แลกหมัดเจ๊า “สิงห์บลูส์” ไปแบบสุดมันส์ 4-4 เก็บเพิ่มเป็น 28 คะแนนยังยึด จ่าฝูง ส่วนทาง “เชลซี” ฟอร์มเริ่มเข้าตาไร้พ่าย 2 นัดติดมี 16 แต้มขยับรั้งอันดับ 10
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 “สิงห์บลูส์” ทีมอันดับ 10 เรียกความมั่นใจมาในเกมล่าสุด ต้อนรับ “เรือใบสีฟ้า” จ่าฝูง ที่ต้องคว้าชัยทำแต้มหนีกลุ่มตาม
เปิดฉาก ครึ่งแรก 15 นาที รูปเกมอึดอัดระวังตัวด้วยกันทั้งคู่โดยเป็น “เรือใบสีฟ้า” ครองบอลมากกว่าแต่ยังหาจังหวะ จบสกอร์ ไม่ได้ ส่วนทาง “สิงห์บลูส์” ได้ซัดก่อน 2 ครั้งแต่ก็ยังไม่ตรงกรอบ
20 นาทีผ่านเกมเข้มข้นมากขึ้น ยอชโก้ กวาร์ดิโอล สอดมาโขกลูกเตะมุมไปตรงตัว โรเบิร์ต ซานเชซ ก่อนจังหวะต่อเนื่อง “สิงห์บลูส์” ตอบโต้จากลูกยิงไกลของ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ แต่ก็ยังไม่ดีพอเป็นประตู
นาทีที่ 25 “เรือใบสีฟ้า” ทะยานออกนำ 1-0 มาร์ค กูกูเรย่า ไปเสียเหลี่ยมเหนี่ยว เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ร่วงในเขตโทษ ผู้ตัดสิน ชี้เป็นจุดโทษทันทีก่อนรอยืนยันจาก วีเออาร์ และเป็น ฮาลันด์ ลุกขึ้นมาสังหารไม่พลาด
3 นาทีต่อมาจากจังหวะฟรีคิกระยะอันตรายหน้าเขตโทษฝั่งซ้าย รีซ เจมส์ วิ่งมาปั่นด้วยขวาบอลโค้งข้ามกำแพงหวิดเสียบใต้คานติดปลายมือ เอแดร์ซอน ผวามาปัดข้ามคานนิดเดียว
จากจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เชลซี ตามตีเสมอ 1-1 คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ครอสบอลโค้งมาเสาแรกถึง ติอาโก้ ซิลวา โฉบมาโขกกระดอนพื้นผ่านมือ เอแดร์ซอน เสียบเสาไกลงามหยด
นาทีที่ 37 กลายเป็น “สิงห์บลูส์” รัวแซง 2-1 ยอชโก้ กวาร์ดิโอล ทำเสียพื้นที่อันตรายทางฝั่งซ้ายบอลเข้าทาง รีซ เจมส์ ปาดเข้ากรอบ 6 หลาให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ชาร์จเข้าไปไม่พลาด
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 45+1 ทีมเยือน ไล่ตีเสมอบ้าง 2-2 แบร์นาร์โด้ ซิลวา เก็บบอลทางฝั่งซ้ายหยอดโค้งมาหน้ากรอบ 6 หลาเข้าหัว มานูเอล อาคานจี ขวิดเปลี่ยนทางตุงตาข่าย
หมดครึ่งเวลาแรก เชลซี 2 แมนฯ ซิตี้ 2
ครึ่งหลัง นาทีที่ 47 “เรือใบสีฟ้า” ออกนำอีกรอบ 3-2 ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ สอดเข้าเขตโทษฝั่งขวาตบเข้ากรอบ 6 หลาติดมือ โรเบิร์ต ซานเชซ ปัดไม่พ้นหลุดมาเสาไกลถึง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ทิ้งตัวชาร์จไม่เหลือ
นาทีที่ 60 เชลซี พลาดโอกาสทอง โคล พาลเมอร์ โชว์ความแข็งแกร่งแหวกแนวรับ แมนฯ ซิตี้ หลุดเข้าเขตโทษแต่จังหวะซัดยังไม่ผ่าน เอแดร์ซอน ออกมาปิดมุมเร็วขวางเอาไว้ได้เหลือเชื่อ
จากจังหวะต่อเนื่อง “เรือใบสีฟ้า” ออกหมัดโต้ทันควันหวังปิดกล่อง ฟิล โฟเด้น ตามมาเก็บบอลทางขวาโยกตัดเข้าในก้มหน้าปั่นด้วยซ้ายเสียดายเบาตรงตัว โรเบิร์ต ซานเชซ
นาทีที่ 67 “สิงห์บลูส์” ตามตีเสมอ 3-3 คอเนอร์ กัลลาเกอร์ สอดมากดด้วยขวาระยะร่วม 20 หลาบอลพุ่งแรงติดเซฟ เอแดร์ซอน ปัดไม่ดีออกมาเข้าทาง นิโกลัส แจ็คสัน ปรี่มาซ้ำตุงตาข่าย
15 นาทีสุดท้าย เจ้าถิ่น เกือบได้แซง โรดรี้ เสียบอลกรอบ 18 หลาโดน ราฮีม สเตอร์ลิง ฉกไหลเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ มาโล กุสโต้ เอียงตัวล่อเป้าด้วยซ้ายผ่าน เอแดร์ซอน เหินข้ามคานน่าผิดหวัง
แต่แล้วนาทีที่ 86 แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตู 4-3 โรดรี้ ตามมาเก็บบอลหน้าเขตโทษกดด้วยซ้ายตามน้ำแฉลบเท้า
ติอาโก้ ซิลวา เปลี่ยนทางหนีตัว โรเบิร์ต ซานเชซ ที่ทำได้แค่ยืนมอง
ทดเจ็บนาทีที่ 90+5 เจ้าถิ่น ตีเสมออีกรอบ 4-4 รูเบน
ดิอาส เข้าบอลพลาดรวบ อาร์มานโด โบรย่า ร่วงในเขตโทษ ผู้ตัดสิน ชี้เป็นจุดโทษก่อนรอยืนยันจาก วีเออาร์ โคล พาลเมอร์ ยิงทีมเก่าอีกคนไม่พลาด
หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม เชลซี 4 แมนฯ ซิตี้ 4
รายชื่อนักเตะที่ลงสนามตัวจริง
เชลซี (4-2-3-1) : โรเบิร์ต ซานเชซ – รีซ เจมส์, อักแซล ดิซาซี่, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์ค กูกูเรย่า – มอยเซส ไกเซโด้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ – โคล พาลเมอร์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, ราฮีม สเตอร์ลิง – นิโกลัส แจ็คสัน
เทรนเนอร์ : เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน – ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, มานูเอล อาคานจี, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล – โรดรี้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา – ฟิล โฟเด้น, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, เฌเรมี่ โดกู – เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ผู้ตัดสิน : แอนโทนี่ เทย์เลอร์