นับตั้งแต่ที่ ลิเวอร์พูล แพ้ อาร์เซน่อล พวกเขาก็เดินหน้ากลับมาเรียกความมั่นใจอีกครั้งด้วยการไล่ทุบคู่แข่งเป็นว่าเล่นทั้งเบิร์นลี่ย์, เบรนท์ฟอร์ด และ ลูตัน ทาวน์ ทำให้ตอนนี้ “หงส์แดง” ยังคงยึดตำแหน่งจ่าฝูงอย่างเดียวแน่น โดยมี 60 คะแนนนำ แมนฯ ซิตี้ 4 แต้ม และ อาร์เซน่อล 5 คะแนน
สำหรับโปรแกรมเกมพรีเมียร์ลีกของ “เดอะ เร้ดส์” ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ไม่มีเนื่องจากพวกเขามีคิวต้องปะทะกับ เชลซี ในศึกคาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ และนั่นถือเป็นโอกาสดีของ “เรือใบสีฟ้า” และ “ปืนใหญ่” ที่จะลดช่องว่างการลุ้นแชมป์อีกครั้ง
ถ้าหากมองจากความเป็นจริงมีความเป็นไปได้ที่ แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล จะเก็บชัยชนะ และนั่นหมายความว่าการลุ้นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้จะยิ่งเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ และทั้งสามทีมห้ามสะดุดเด็ดขาด
ด้วยเหตุนี้แฟนบอลพันธุ์แท้และแฟนบอลเฉพาะกิจต้องมาเช็คโปรแกรมลีก 5 แมตช์ต่อไปของทั้งสามทีม เพราะมันอาจจะมีผลต่ออันดับของพวกเขาเลยก็ว่าได้ และถ้าหากทีมไหนพลาด มีสิทธิ์โดนคู่แข่งทิ้งห่างทันที
ลิเวอร์พูล : 60 คะแนน
หลังจะระเบิดฟอร์มโหดไล่ต้อน ลูตัน ทาวน์ 4-1 ทั้งๆ ที่นักเตะคีย์แมนหลายคนโดนโรคเดี้ยงเล่นงาน แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังสามารถนำทีมคว้าสามคะแนนสำคัญได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้กับ “หงส์แดง” ก่อนทำศึกชิงโทรฟี่แรกในประเทศอังกฤษ ประจำซีซั่นนี้
หลังเกมกับ เชลซี แล้วช่วงกลางสัปดาห์พวกเขาต้องดวลกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในศึกเอฟเอ คัพ จากนั้นก็จะเปิดฉากเดือนมีนาคมด้วยการเล่นเกมลีกเยือน “เจ้าป่า” น็อตติงแฮม ฟอเรสต์
ตามด้วยโปรแกรมโคตร “บิ๊กแมตช์” ที่อาจจะมีผลต่อการลุ้นแชมป์ลีกนั่นก็คือการรับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามแอนฟิลด์ ซึ่งหากพวกเขาสามารถเอาชนะได้งานนี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์มากขึ้นเลยทีเดียว
ความโหดที่ “เดอะ เร้ดส์” จะได้เจอยังไม่จบแค่นั้น
เนื่องจากเกมต่อไปจะต้องทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ เยือน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ยอมให้คู่อริร่วมเมืองได้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งการต้องการแต้มเพื่อสลัดตัวเองเพื่อหนีการตกชั้น
จากนั้นทีมจะได้พักเนื่องจากโปรแกรมฟีฟ่า เดย์ และกลับมาก็ต้องรับมือ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ทีมของแสลงของ ลิเวอร์พูล เพราะ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ มักจะทำแสบกับ “หงส์แดง” หลายครั้ง ตบท้ายด้วยแมตช์ปะทะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ต้นเดือนเมษายน
5 นัดต่อไปในเกมพรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล
วันที่ 2 มี.ค. : น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (เยือน)
วันที่ 10 มี.ค. : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า)
วันที่ 17 มี.ค. : เอฟเวอร์ตัน (เยือน)
วันที่ 31 มี.ค. : ไบรท์ตัน (เหย้า)
วันที่ 3 เม.ย. : เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (เหย้า)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : 56 คะแนน
สถานการณ์ของ แมนฯ ซิตี้ ต้องบอกเลยว่ายังคงอันตรายอยู่เสมอสำหรับ ลิเวอร์พูล โดยพวกเขายังคงทำแต้มหายใจรดต้นคอ “หงส์แดง” อย่างต่อเนื่องแม้ตอนนี้จะตามอยู่ 4 คะแนนแต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด
“เรือใบสีฟ้า” อาจจะฟอร์มหลุดไปบ้างในแมตช์ไล่ตีเสมอ เชลซี 1-1 ขณะที่เกมกับ เบรนท์ฟอร์ด แม้จะบุกยำฝ่ายเดียวแต่ก็หาจังหวะจบสกอร์ได้ยากมาก แต่โชคดีที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ ซัดประตูโทนทำให้ทีมคว้า 3 แต้มได้สำเร็จ
ตอนนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แอนด์ โค. มีโอกาสดีมากๆ ที่จะเล่นโปรแกรมตกค้างในวันเสาร์พบ บอร์นมัธ ซึ่งด้วยศักยภาพของแชมป์เก่าต้องบอกว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงในการเอาชนะเจ้าบ้าน และนั่นจะทำให้พวกเขาตามหลัง
“หงส์แดง” ซึ่งไม่มีโปรแกรมลีกลงสนามเหลือ 1 แต้มทันที
กระนั้นต้องยอมรับว่าโปรแกรมของ แมนฯ ซิตี้ ค่อนข้างจะโหดพอสมควร เนื่องจากพวกเขามีคิวที่ต้องทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม
จากนั้นก็ต้องเจอกับเกมสำคัญที่อาจชี้ชะตาแชมป์นั่นก็คือการเยือน ลิเวอร์พูล และอีกแมตช์ส่งท้ายเดือนมีนาคมหลังโปรแกรมพักเบรกทีมชาติก็คือการรับมือ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล
งานนี้บรรดากูรู และเกจิลูกหนังต่างมองในมุมเดียวกันว่า ทัพ “สำเภาทอง” อาจจะหลุดวงโครจรลุ้นแชมป์ หรือฉีกหนีคู่แข่งเข้าป้ายคว้าแชมป์จากโปรแกรม 5 แมตช์สำคัญนี้เลยทีเดียว
5 นัดต่อไปในเกมพรีเมียร์ลีกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
วันที่ 24 ก.พ. : บอร์นมัธ (เยือน)
วันที่ 3 มี.ค. : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เหย้า)
วันที่ 10 มี.ค. : ลิเวอร์พูล (เยือน)
วันที่ 17 มี.ค. : ไบรท์ตัน (เยือน)
วันที่ 31 มี.ค. : อาร์เซน่อล (เหย้า)
อาร์เซน่อล : 55 คะแนน
ณ ตอนนี้หลายคนมองว่าทีมของกุนซือมิเกล อาร์เตต้า เป็นรอง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ แม้ผลงานของพวกเขาจะคงเห็นคงวานับตั้งแต่ต้นปีมังกรทอง ที่สำคัญยังถลุง “หงส์แดง” มาแล้วด้วย
อย่างไรก็ตาม “เดอะ กันเนอร์ส” เพิ่งจะสะดุดในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อโดนทีเด็ดของ เอฟซี ปอร์โต้ ซัดประตูชัยในช่วงนาทีบาป นั่นอาจจะมีผลต่อสภาพจิตใจของเหล่าแข้ง “ปืนใหญ่” พอสมควร แต่หากมองอีกมุมก็อาจเป็นแรงกระตุ้นในเกมลีกเพื่อหวังเรียกศรัทธาคืนจากแฟนบอล
สำหรับวันเสาร์ที่ 24 ก.พ. พวกเขามีเกมใหญ่พอสมควรนั่นก็คือการพบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่ที่น่าเป็นห่วงสำหรับ อาร์เตเต้า แอนด์ โค. ก็คือการต้องทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ รับมือ เชลซี ซึ่งงานนี้ “สิงห์บลูส์” ที่ผลงานลุ่มๆ ดอนๆ คงไม่ยอมให้คู่อริร่วมเมืองได้ดิบได้ดีแน่นอน
ขณะที่อีกแมตช์ที่มีความหมายต่อการลุ้นแชมป์ของ “ปืนโต” ก็คือการบุกเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเจ้าบ้านคงต้องการแก้แค้นหลังเคยแพ้มาแล้วช่วงต้นซีซั่น ที่สำคัญหากปราบ อาร์เซน่อล ได้จะทำให้คู่แข่งแย่งแชมป์ลีกเสียขวัญได้
5 นัดต่อไปในเกมพรีเมียร์ลีกของ อาร์เซน่อล
วันที่ 24 ก.พ. : นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เหย้า)
วันที่ 4 มี.ค. : เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (เยือน)
วันที่ 9 มี.ค. : เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า)
วันที่ 16 มี.ค. : เชลซี (เหย้า)
วันที่ 31 มี.ค. : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน)