- ลิเวอร์พูล ชนะ ฟูแล่ม ในศึกคาราบาว คัพ รอบรองฯ
- ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงแข็งแกร่ง
- “หงส์แดง” ยังได้ลุ้นแชมป์ 4 รายการในฤดูกาลนี้
ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ยังคงทำผลงานในถิ่น แอนฟิลด์ ได้แข็งแกร่งต่อเนื่อง หลังจากเปิดบ้านพลิกกลับมาเอาชนะ ฟูแล่ม ของโค้ช มาร์โก ซิลวา ในศึก คาราวบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ เลกแรก ไปแบบหวุดหวิด 2-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ในเกมนี้ ลิเวอร์พูล โดน ฟูแล่ม บุกมายิงขึ้นนำไปก่อนจาก วิลเลี่ยน ปีกจอมเก๋าชาวบราซิล และพวกเขาต้องใช้เวลานานพอสมควรในการไล่ตามเอาประตูกลับคืนมา โดยทีมของ คล็อปป์กุมความได้เปรียบก่อนบุกจะไป ที่สนาม คราเวน คอทเทจ เกมที่ 2 ช่วงปลายเดือนนี้
ลิเวอร์พูล ครองบอลได้เหนือกว่า ฟูแล่ม เกือบตลอดทั้งเกม แต่พลพรรค “หงส์แดง” ดูขาดความเร็วในจังหวะการเล่น และได้ความคิดสร้างสรรค์ในการเจาะแนวรับ “เจ้าสัวน้อย” ที่ยืนปักหลักกันอย่างแน่นหนาบริเวณกรอบเขตโทษของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างคือ การตัดสินใจเปลี่ยนตัวสำรองในช่วงท้ายเกมของ คล็อปป์ ที่แสดงให้เห็นแล้วว่า สร้างอิทธิพลให้กับทีมได้อย่างมหาศาล และการแก้เกมของเขานั้น ก็ไม่เป็นรองกุนซือชั้นนำคนอื่นๆในยุคนี้อย่างแน่นอน
โคดี้ กัคโป กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ และ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองพร้อมกันในนาทีที่ 56 และหลังจากนั้น เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ก็เริ่มสร้าวความปั่นป่วนให้กับ กองหลัง ฟูแล่ม ได้มากขึ้น
ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตู 2 ลูกรวดจาก เคอร์ติส โจนส์ ในนาทีที่ 68 และ กัคโป ในนาทีที่ 71 โดยที่ นูนเญซ ระเบิดฟอร์มทำแอสซิสต์ทั้ง 2 ลูก ซึ่งเรียกได้ว่า ตัวสำรองทั้ง 2 ราย เป็นคีย์แมนที่พลิกสถานการณ์ให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง
เกมนี้นักเตะ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจหลายราย อาทิ คอเนอร์ แบรด์ลีย์ แบ็คขวาดาวรุ่ง ที่ทำหน้าที่ทดแทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ได้รับบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี รวมถึง โจนส์ ที่กลายมาเป็นคนสำคัญในแผงมิดฟิลด์เรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน หากนึกถึงกองกลางชาวอังกฤษที่ทำผลงานโดดเด่นที่สุดในศึก พรีเมียร์ลีก ปีนี้ ชื่อของ โจนส์ จะต้องอยู่ในข่ายดังกล่าวาอย่างแน่นอน โดย แข้งวัย 22 ปี พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า มีศักยภาพมากพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ชั้นนำได้ในอนาคต
หลังจบเกมนัดนี้ ลิเวอร์พูล ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ครบทั้ง 4 รายการ ซึ่งหมายความว่า พวกเขาจะไม่มีช่วงเวลาของการพักเบรกหน้าหนาวมากนัก และเตรียมรับมือกับจำนวนเกมที่มากขึ้นในอนาคตเพื่อไล่ล่าความสำเร็จ
ในเร็วๆนี้ ลิเวอร์พูลจะได้นักเตะที่ได้รับบาดเจ็บอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, คอสตาส ซิมิกาส, โดมินิค โซบอสซ์ไล และ ติอาโก อัลคันทารา ทยอยกลับมาสู่ทีม รวมถึง 2 ผู้เล่นที่เดินได้รับใช้ชาติอย่าง วาตารุ เอ็นโด และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วยเช่นกัน
ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ภายใต้การนำของ คล็อปป์ กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม และหากบรรดานักเตะที่กล่าวมาพร้อมกลับมาลงสนามได้ บวกกับผู้เล่นชุดปัจจุบันที่อยู่ในช่วงของความมั่นใจ นั้น “หงส์แดง” ก็มีโอกาสลุ้นไปถึงท้ายซีซันแน่นอน